Home2556 >
การเงินและลงทุน
ยอดขายตก หมุนเงินไม่ทัน หนี้สินพอกพูน ธุรกิจแย่ลง?
มีขึ้นย่อมมีลง ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลง มีทั้งความแน่นอนและความไม่แน่นอน หมุนเวียนเปลี่ยนกันไปตามกาลเวลา เมื่อมีปัญหาท้าทาย
ปัจจัยแห่งความสำเร็จทางการตลาด (อ้างอิง #2)
1.การเลือกกลุ่มเป้าหมาย มีผลต่อความสำเร็จ 40%
ไม่ว่าธุรกิจอะไรก็ตามลองทำแบบนี้ดูนะครับ...
ก็ต้องแก้ไขกันไปตามกำลังที่มี ด้วยความอดทน
หลักคิดการขายและการตลาด
- การแก้ไขปัญหาด้านการขาย เป็นการแก้ไขปัญหาด้านยุทธวิธี (แก้ไขปัญหาระยะสั้น)
- การแก้ไขปัญหาด้านการตลาด เป็นการแก้ไขปัญหาด้านยุทธศาสตร์ (แก้ไขปัญหาระยะยาว)
- การเลือกกลุ่มเป้าหมาย มีผลต่อความสำเร็จ 40%
- ข้อเสนอ/จุดขาย มีผลต่อความสำเร็จ 30%
- วิธีการสื่อสารการตลาด มีผลต่อความสำเร็จ 20%
- ช่วงเวลาในการสื่อสาร มีผลต่อความสำเร็จของโปรแกรมตลาด 10%
1.การเลือกกลุ่มเป้าหมาย มีผลต่อความสำเร็จ 40%
- กลุ่มเป้าหมายหลักเป็นใคร; เด็ก, พ่อบ้าน, แม่บ้าน, คนชรา อายุเท่าไร อยู่ที่ไหน มีบุคลิกอย่างไร เจาะให้ลึกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ (Focus)
- คนซื้อ(Shopper) คือใคร อายุเท่าไร อยู่ที่ไหน มีบุคลิกอย่างไร เจาะให้ลึกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ (Focus)
- สินค้าของคุณ แตกต่าง, ดีกว่า และให้ประโยชน์ให้กับกลุ่มเป้าหมายหลัก ที่ดีกว่า มากกว่าคู่แข่งอย่างไร
- ใช้ FAB ช่วยในการวิเคราะห์ ดังนี้
- Feature ส่วนประกอบ, คุณสมบัติเด่น มีอะไรบ้าง
- Advantage ส่วนประกอบ, คุณสมบัติเด่นนั้น ดีกว่า ของคู่แข่งอย่างไร
- Benefit ส่วนประกอบ, คุณสมบัติเด่นนั้น ที่ดีกว่า ของคู่แข่งนั้น ให้ประโยชน์ อะไรแก่ กลุ่มเป้าหมายหลัก
- Advertising Theme, Creative, Presenter, Mood & Tone, Rebranding, Social Media etc.
4. ช่วงเวลาในการสื่อสาร มีผลต่อความสำเร็จของโปรแกรมตลาด 10%
- Season, Holiday, End of month, Time of Day
ข้อแนะนำประสบการณ์: ควรทำอย่างไรเมื่อยอดขายตก (อ้างอิง #1)
- ดูว่าสินค้าเรายังขายได้ไหม อันนี้สำคัญที่สุด
- ดูว่าสินค้าเรามีโอกาสยังทำตลาดได้อีกไหม
- ดูว่าคู่แข่งเรามีมากไหมแล้วเราอยู่เบอร์ไหน สู้ไหวไหม
- ดูว่า สถานการณ์ปัจจุบัน วางแผนแบบดีสุดแย่สุดเอาไว้ ดีสุดเราอยู่ได้กี่วัน แย่สุดเราอยู่ได้กี่วัน
- คิดแผนอยู่และตายสำหรับธุรกิจเราเอาไว้เลย
- ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นทั้งหมดทั้งเรื่องงานและส่วนตัวลงไป
- เข้าใจสถานการณ์อย่างแท้จริงว่าเป็นชั่วคราวหรือเป็นถาวรสำหรับยอดขายตก
- ถ้าสู้จะลุยต่อต้องเชื่อว่าตัวเองทำได้ อย่าไม่มั่นใจในตัวเองเด็ดขาด
- ลิสต์ลูกค้าขาประจำที่เคยซื้อและติดต่อกลับไปให้ได้ ดูว่าจะซื้อเพิ่มได้ไหม และนี่คือเหตุผลที่ควรเก็บเบอร์ติดต่อลูกค้าไว้เสมอครับ
- ทำประชาสัมพันธ์ ให้คนมาร้านหรือสินค้าเรามากที่สุดไว้ก่อน โดยที่ไม่ขาดทุน ให้ได้ผล อาจจะแจกฟรี กินฟรี หรือบริการฟรี
- เรียกความเชื่อมั่นและสร้างกระแสให้คนมาสนใจเราให้ได้มากที่สุดไว้ก่อนครับ
- เน้นว่า ขายได้เร็วกำไรน้อย ดีกว่า ขายได้กำไรสูง แต่ขายได้ช้ามาก อันนี้ลองเอาไปปรับตัวดูนะครับ
- หมั่นขยันทำประชาสัมพันธ์การตลาดทุกรูปแบบ ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ ให้มันเป็นลมหายใจเข้าออกคุณเลยว่า คุณต้องขายของ
แต่ให้ขายของในที่เหมาะ และไม่ไปยัดเยียดสินค้าที่ไม่ควรทำ เช่น โฆษณาขายครีม ใน ไอจีที่เขาไม่ให้ขาย ใครดูก็รำคาญครับ
แถมทำให้ของสินค้าของเราแย่ไปอีกนะครับ - พยายามทำความดีกับลูกค้าให้มากๆ เจออะไรฟรี หรือราคาถูกแจกได้ทำไปเลย แม้ว่าวันนี้คุณจะไม่ได้ยอดขายตก ซื้อใจลูกค้า
ซื้อใจคนผ่านไปผ่านมาไว้ก่อน ให้เขาเห็นใจและจดจำเรา สักวันหากเขาอยากซื้อเขาจะได้กลับมาก ซื้อใจตอนคนเห็นใจราคาถูกกว่า
และมีคุณค่ากว่า ซื้อตอนที่คนเสียความรู้สึกนะครับ
ค่าปรับผ่อนชำระภาษีแพง..ต้องระวังให้ดี
ไม่อยากให้คุณอ่านประเด็นนี้เพียงผ่านๆ เพราะหากผิดพลาดขึ้นมาคุณอาจจะต้องเสียดอกเบี้ยค่าปรับการผ่อนชำระเงินภาษีเพิ่มมากกว่าที่ควรจะเป็นด้วยความไม่รู้...
ตัวอย่าง มียอดที่ต้องชำระภาษีทั้งหมด 41,944 บาท แบ่งจ่าย 3 งวด
สมมติว่า ลืมชำระภาษีงวด3 นึกได้เลยมาชำระภาษีในวันที่ 16/12/2557 คุณคิดว่าจะต้องเสียดอกเบี้ยค่าปรับเท่าไหร่? วิธีการ:
สรุปคือ หากต้องผ่อนชำระภาษี ต้องระวังให้ดี...จ่ายให้ตรงเวลานะครับ ความแพงอยู่ตรงไหน? • ดอกเบี้ยปรับผ่อนชำระภาษี คือ 18% ต่อปี • เศษของวันก็คิดเต็มเดือน |
ลงทุนอย่างไรให้มีรายได้ 25,000-50,000 บาทต่อเดือน
สาระสำคัญ การลงทุนทุกชนิดมีความเสี่ยง ต้องอาศัยปัจจัยสำคัญคือ เงิน เวลา และปัญญา การกำหนดเป้าหมายการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อใช้สำหรับกำหนดเงื่อนการลงทุน เริ่มเก็บเงินเดือนละ 5,000 บาท ติดต่อกัน 5 ปี จะมีเงินเหลือเก็บเท่าไร? ♦ กำหนดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ 0% (ไม่มีการนำไปลงทุนใดๆ) ♦ 1 ปีมีเงินเก็บ 5,000 x 12 = 60,000 บาท ♦ 5 ปีมีเงินเก็บ 60,000 x 5 = 300,000 บาท ถ้านำเงินออม(ต้นเงิน) 300,000 บาท นำไปลงทุนผลตอบแทน 7% จะมีเงินเหลือเก็บเท่าไร?
ข้อเตือนใจ:
ต้องใช้ต้นเงินจำนวนเท่าไร? นำไปลงทุนผลตอบแทน 7% เพื่อมีรายได้เฉลี่ย 25,000-50,000 บาทต่อเดือน
ปัญหา/อุปสรรค/คำถาม/ความต้องการ :
ข้อมูลการลงทุนที่น่าสนใจ |
ออมเงินกองทุนเกษียณอายุ...สบายๆ แบบรายเดือน
นับจากวันนี้ต้องออมเงินวันละเท่าไร เพื่อมีเงินใช้หลังเกษียณ 20 ปี (อายุ 60-80 ปี)?
• ถ้ากำหนดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยวันละ 500 บาท (ตลอด 20 ปี โดยไม่สนใจเรื่องมูลค่าเงินที่ลดลงจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น)
• ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยปีละ (500 x 365) = 182,500 บาท คิดเป็นตัวเลขกลมๆ เพื่อให้คิดง่ายๆ รวมก็ประมาณ 200,000 บาทต่อปี
• รวม 20 ปี จำนวนเงินที่ต้องใช้จ่ายหลังเกษียณอายุรวมทั้งหมดเท่ากับ 4,000,000 บาท
หากเราสมมติว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเท่ากับ 0% และอัตราเงินเฟ้อเท่ากับ 0% ตลอดระยะเวลา 20 ปี นั่นคือ
เมื่อครบอายุ 60 ปีเต็ม เราจำเป็นต้องมีเงินฝากเตรียมไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจำนวน 4,000,000 บาท
(โดยวงเงินนี้จะไม่นับรวมกับจำนวนเงินที่จะต้องเตรียมไว้สำหรับเป็นค่ารักษาพยาบาล)
ทำไมจำเป็นต้องเตรียมเงินกองทุนเกษียณอายุนี้ด้วย?
• สาเหตุเพราะความแก่ชราเป็นเรื่องธรรมชาติของทุกชีวิต สภาพร่างกายเริ่มทรุดโทรมจากการใช้งานมานานตลอด 60 ปีและกำลังเสื่อมสลายลงทุกวัน
• แม้จะแก่ชรา แต่เราก็ยังคงจำเป็นต้องกินต้องใช้ แม้จะเป็นวัยพักผ่อนจากการทำงานแล้ว หรือ ไม่มีรายได้จากการทำงานแล้วก็ตาม
คุณเหลือเวลาที่จะออมเงินอีกกี่ปี? (เรามีเวลาเก็บเงินไว้ใช้จ่ายหลังเกษียณอีกกี่ปี?)
• ต้องเตรียมเงิน 4,000,000 บาทให้ได้ตอนอายุครบ 60 ปี
• หากปัจจุบันอายุ 30 ปี ก็เหลือเวลาออมเงิน 30 ปี หรือ 360 เดือน (30 x 12)
• ต้องออมปีละ (4,000,000 / 30) เท่ากับ 133,333 บาท (ประมาณปีละ 134,000 บาท ปัดขึ้นเพื่อให้คำนวนง่ายๆ)
• ต้องออมเดือนละ (4,000,000 / 360) เท่ากับ 11,111 บาท (ประมาณเดือนละ 12,000 บาท ปัดขึ้นเพื่อให้คำนวณง่ายๆ)
• ต้องออมวันละ (4,000,000 / (30*365)) เท่ากับ 365 บาท (ประมาณวันละ 400 บาท ปัดขึ้นเพื่อให้คำนวณง่ายๆ)
• ขอย้ำอีกครั้งว่า ตัวเลขนี้คำนวณ โดยสมมติว่าอัตราเงินเฟ้อเท่ากับ 0% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเท่ากับ 0%
ตารางสรุปเป้าหมายการออมเงิน: (ปัดเศษขึ้นให้เป็นตัวกลมแล้ว เพื่อให้ทำความเข้าใจง่ายขึ้น)
อายุปัจจุบัน
(ปี)
|
เหลือเวลาออมเงิน (ปี)
|
เหลือเวลาออมเงิน (เดือน) | ออมปีละ (บาท) |
ออมเดือนละ (บาท) |
ออมวันละ (บาท) |
30 | 30 | 360 | 134,000 | 12,000 | 400 |
35 | 25 | 300 | 160,000 | 14,000 | 450 |
40 | 20 | 240 | 200,000 | 17,000 | 550 |
45 | 15 | 180 | 266,000 | 23,000 | 750 |
50 | 10 | 120 | 400,000 | 34,000 | 1,100 |
55 | 5 | 60 | 800,000 | 67,000 | 2,200 |
อัตราผลตอบแทนหรืออัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ช่วยเพิ่มปริมาณเงินออมของคุณได้?
• (สมมติ) หากว่าคุณได้รับผลตอบแทนการออมเงินมากกว่า 0% ผลที่ได้คือปริมาณเงินออมของคุณก็จะเพิ่มขึ้น และ
• (สมมติ) หากว่าการออมเงินของคุณอยู่ในลักษณะของดอกเบี้ยทบต้น ปริมาณเงินออมของคุณก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน (ฝากโดยไม่ถอนเลย)
• ถ้ามีเวลา 30 ปี ออมเงินให้ได้ 4,000,000 บาท โดยอัตราผลตอบแทน 2% ต้องออมเงินเดือนละเท่าไร?
(ออมเงินเดือนละ 8,120 บาท 360 เดือน อัตราผลตอบแทน 2% จะออมเงินได้ทั้งหมด 4,000,000 บาท)
(ออมเงินเดือนละ 8,120 บาท 360 เดือน อัตราผลตอบแทน 2% จะออมเงินได้ทั้งหมด 4,000,000 บาท)
ตารางออมเงินกองทุนเกษียณอายุ วงเงินประมาณ 4,000,000 บาท ที่อัตราผลตอบแทน 2%:
(ปัดเศษขึ้นให้เป็นตัวกลมแล้ว เพื่อให้ทำความเข้าใจง่ายขึ้น)
(ปัดเศษขึ้นให้เป็นตัวกลมแล้ว เพื่อให้ทำความเข้าใจง่ายขึ้น)
อายุปัจจุบัน
(ปี)
|
ออมเดือนละ
(บาท)
|
ออมปีละ
(บาท)
|
ออมวันละ
(บาท)
|
30 | 8,200 | 98,400 | 270 |
35 | 10,300 | 123,600 | 350 |
40 | 13,600 | 163,200 | 450 |
45 | 19,100 | 229,200 | 650 |
50 | 30,200 | 362,400 | 1,000 |
55 | 63,500 | 762,000 | 2,100 |
ปัญหาพื้นฐานของการออมเงินกองทุนเกษียณอายุ:
- ช่วงวัยเพิ่งเริ่มทำงาน มีเงินออมน้อย รายได้ยังน้อยอยู่
- ช่วงวัยทำงานและเริ่มสร้างครอบครัว มีเงินออมน้อย เพราะภาระเพิ่มขึ้น เช่น ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าใช้จ่ายลูก เป็นต้น
- ช่วงวัยผู้ใหญ่ มีเงินออมน้อย เมื่อเทียบกับวงเงินเป้าหมาย เพราะมีระยะเวลาการออมเงินสั้นลง
- ปัญหาการออมเงินที่สำคัญ คือ วินัยการออม ที่ต้องออมเงินในระยะยาว
- ปัญหาการลงทุนที่สำคัญ คือ ความเสี่ยง และความโลภ
- ทำอย่างไร? ให้ออมเงินเป็นรายเดือนแบบสบายๆ ไม่หนักกระเป๋า
ทางเลือกในการแก้ไขปัญหา:
- ช่วงวัยเริ่มทำงาน เลือกแหล่งออมเงิน ที่เน้นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูง เพราะยังมีเวลาออมเหลือมาก
- แบ่งกองทุนเป็นกองทุนขนาดเล็กหลายกองทุน โดยกำหนดช่วงห่างการออมแต่ละกองทุนให้เหมาะสม เช่น ทุก 2ปี 3ปี 4ปี หรือ 5ปี เป็นต้น
ตารางออมเงินกองทุนเกษียณอายุ วงเงินประมาณ 1,000,000 บาท ที่อัตราผลตอบแทน 2%:
(ปัดเศษขึ้นให้เป็นตัวกลมแล้ว เพื่อให้ทำความเข้าใจง่ายขึ้น)
(ปัดเศษขึ้นให้เป็นตัวกลมแล้ว เพื่อให้ทำความเข้าใจง่ายขึ้น)
อายุปัจจุบัน
(ปี)
|
ออมเดือนละ
(บาท)
|
ออมปีละ
(บาท)
|
ออมวันละ
(บาท)
|
อัตราเงินเดือน (ออม 10%) |
30 | 2,100 | 25,200 | 70 | 21,000 |
35 | 2,600 | 31,200 | 90 | 26,000 |
40 | 3,400 | 40,800 | 120 | 34,000 |
45 | 4,800 | 57,600 | 160 | 48,000 |
50 | 7,600 | 91,200 | 250 | 76,000 |
55 | 16,000 | 192,000 | 530 | 160,000 |
ตารางออมเงินกองทุนเกษียณอายุ วงเงินประมาณ 500,000 บาท ที่อัตราผลตอบแทน 2%:
(ปัดเศษขึ้นให้เป็นตัวกลมแล้ว เพื่อให้ทำความเข้าใจง่ายขึ้น)
(ปัดเศษขึ้นให้เป็นตัวกลมแล้ว เพื่อให้ทำความเข้าใจง่ายขึ้น)
อายุปัจจุบัน
(ปี)
|
ออมเดือนละ
(บาท)
|
ออมปีละ
(บาท)
|
ออมวันละ
(บาท)
|
อัตราเงินเดือน (ออม 10%) |
30 | 1,050 | 12,600 | 35 | 10,500 |
35 | 1,300 | 15,600 | 45 | 13,000 |
40 | 1,700 | 20,400 | 60 | 17,000 |
45 | 2,400 | 28,800 | 80 | 24,000 |
50 | 3,800 | 45,600 | 125 | 38,000 |
55 | 8,000 | 96,000 | 270 | 80,000 |
สถิติตัวเลขประมาณการอัตราเงินเฟ้อของธนาคารแห่งประเทศไทย:
ประเภท | 2555 | 2556 | 2557 |
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน | 2.1 | 1.1 | 1.4 |
อัตราเงินเฟ้อทั่วไป | 3.0 | 2.2 | 2.4 |
หมายเหตุ:
- อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ไม่รวมหมวดอาหารสดและหมวดพลังงาน
- ข้อมูลเศรษฐกิจการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย
- ข้อมูลเศรษฐกิจของสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า
เมื่อรวมปัจจัยอัตราเงินเฟ้อ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดหลังเกษียณอายุเป็นจำนวนเงินเท่าไร?
- กำหนดอัตราเงินเฟ้อ 2%
- กำหนดอายุปัจจุบันของผู้ออมเงิน 40 ปี
- ค่าใช้จ่ายปัจจุบันปีละ 200,000 บาท
- ความต้องการใช้เงิน 20 ปี ระหว่างอายุ 60-80 ปี
- มูลค่าเงินในอนาคตเป็นตัวเลขที่ปัดเศษขึ้นเป็นตัวกลมเพื่อให้อ่านง่ายขึ้น
(ค่าเงินมันลดลง เพราะข้าวของมันแพงขึ้น นี่คือความเป็นจริง)
อายุ | ระยะเวลานับจากปัจจุบัน (ปี) | มูลค่าเงินในอนาคต ของค่าใช้จ่ายปัจจุบัน (200,000 บาท) |
61 | 21 | 303,200 |
62 | 22 | 309,200 |
63 | 23 | 315,400 |
64 | 24 | 321,700 |
65 | 25 | 328,200 |
66 | 26 | 334,700 |
67 | 27 | 341,400 |
68 | 28 | 348,300 |
69 | 29 | 355,200 |
70 | 30 | 362,300 |
71 | 31 | 369,600 |
72 | 32 | 377,000 |
73 | 33 | 384,500 |
74 | 34 | 392,200 |
75 | 35 | 400,000 |
76 | 36 | 408,000 |
77 | 37 | 416,200 |
78 | 38 | 425,500 |
79 | 39 | 433,000 |
80 | 40 | 442,000 |
รวมเงิน | 7,367,600 |
เมื่อนำปัจจัยอัตราเงินเฟ้อมาคิดคำนวณพบว่า....
•จำนวนเงินค่าใช้จ่ายหลังเกษียณอายุถ้าคิดอัตราเงินเฟ้อ 0% รวม 20 ปี เท่ากับ 4,000,000 บาท
•จำนวนเงินค่าใช้จ่ายหลังเกษียณอายุถ้าคิดอัตราเงินเฟ้อ 2% รวม 20 ปี เท่ากับ 7,367,600 บาท
•จำนวนเงินค่าใช้จ่ายหลังเกษียณอายุ แตกต่างกันถึง 3,367,600 บาท (เกือบสองเท่า)
คำถามสำคัญ:
• ทำอย่างไร? จึงจะมีรายได้ 3-5 แสนบาทต่อปี สำหรับไว้ใช้จ่ายโดยไม่ต้องทำงาน ในช่วงอายุ 60-80 ปี
• ทำอย่างไร? จึงจะมีรายได้ 25,000-50,000 บาทต่อเดือน สำหรับไว้ใช้จ่ายโดยไม่ต้องทำงาน ในช่วงอายุ 60-80 ปี
• เมื่ออายุครบ 60 ปีกองทุนเกษียณอายุต้องมีจำนวนเงินเท่าไร? จึงจะเพียงพอใช้จ่ายตลอดระยะเวลา 20 ปี ในช่วงอายุ 60-80 ปี?
• ถ้าออมเงินเพื่อการนี้จะต้องออมเงินเดือนละเท่าไร?
ตารางประมาณการเงินทุนเริ่มต้นเพื่อถอนออกมาใช้จ่าย: (เงินที่ต้องเตรียมเมื่ออายุครบ 60 ปี)
• กำหนดอัตราผลตอบแทน 2% ต่อปี
• กำหนดถอนเงินเป็นระยะเวลาติดต่อกัน 20 ปี
• ถอนเงินทุกเดือนๆ ละครั้งๆ เท่ากัน 12 เดือนต่อปี
วงเงินใช้จ่ายต่อปี | เงินทุนเริ่มต้น | เงินใช้จ่ายต่อเดือน | เงินใช้จ่ายต่อวัน |
300,000 | 5,897,000 | 25,000 | 820 |
350,000 | 6,879,000 | 29,000 | 950 |
400,000 | 7,862,000 | 33,000 | 1,090 |
450,000 | 8,845,000 | 37,500 | 1,200 |
500,000 | 9,828,000 | 41,600 | 1,350 |
ทางเลือกการหารายได้:
- ทำงานหาเงิน (ใช้แรงหาเงิน - ทำงานต่อไปโดยไม่ต้องเกษียณอายุ)
- เงินช่วยหาเงิน (เงินต่อเงิน - ลงทุนหุ้นหรือกองทุน, เงินฝาก, ประกันชีวิต, ทองคำ)
- ระบบช่วยหาเงิน (มีตัวช่วยหาเงิน - มีทีมงานหรือเครือข่าย, มีกิจการของตัวเอง, มีธุรกิจเป็นของตัวเอง)
- ให้ลูกเลี้ยงดู / รับมรดก (โชคดี, ถูกหวย , ล็อตเตอรี่)
อุปสรรคและปัญหาของการเตรียมเงินกองทุนเกษียณอายุ:
- ขาดวินัยในการออมเงิน
- ไม่มีระบบการออมเงินที่ชัดเจน
- มีปัญหาสุขภาพและโรคร้ายแรง
- พิการหรือทุพพลภาพ ที่เกิดจากความไม่แน่นอนจากอุบัติเหตุ
- ความล้มเหลวและลงทุนผิดพลาด
รูปแบบการเตรียมเงินกองทุนเกษียณอายุ: (รีบวางแผนและลงมือทำ เสียแต่วันนี้ดีที่สุด)
- เงินฝากประจำธนาคาร
- เงินฝากสหกรณ์ออมทรัพย์
- ค่าเช่า (เช่น ซื้อบ้านให้คนเช่า)
- ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ หรือประกันชีวิตควบการลงทุน
- หุ้นหรือกองทุนในตลาดหลักทรัพย์
- พันธบัตรรัฐบาล
- เงินฝากสหกรณ์ออมทรัพย์
- มีธุรกิจเป็นของตัวเองและทำงานเป็นระบบ
ประกาศอัตราผลตอบแทนการออมที่น่าสนใจ:
- ประกาศอัตราผลตอบแทนของ AIA Universal Life (ออมเงินในรูปแบบประกันชีวิต รับรองผลตอบแทนขั้นต่ำ ยึดหยุ่น ปรับเปลี่ยนง่าย ทุกช่วงเวลาของชีวิต)
- รายชื่อหุ้นมีเงินปันผลและจัดลำดับหุ้นมีเงินปันผลสูง (จากเว็บไซต์รวยหุ้น)
แนะนำผลิตภัณฑ์สำหรับกองทุนเกษียณอายุ:
- AIA Universal Life (ออมเงินในรูปแบบประกันชีวิตควบการลงทุน)
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม:
- ทรงลักษณ์ จันทโชติ อีเมล์: songlak@futureaia.com
- สันติ จันทโชติ อีเมล์: santi@futureaia.com
กองทุน LTF ที่น่าสนใจ
หากทำความรู้จักกองทุน LTF แต่ละกองให้ดีแล้วจะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนให้ท่านได้ เขาเลยแนะนำว่าผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการลงทุนทุกครั้ง เพื่อช่วยให้ท่านประหยัดเวลาในการค้นหาข้อมูลของกองทุน LTF เด่นๆ ที่น่าสนใจ จึงได้ทำการสรุปรวบรวมข้อมูลไว้ให้ในบทความนี้ ก่อนเข้าไปดูรายละเอียดแนะนำให้ดูข้อมูลเปรียบเทียบผลประกอบการกองทุนก่อน โดยลองพิจารณาข้อมูลจัดอันดับผลประกอบการ 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี เพื่อเลือกกองทุนเด่น
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม: |
มุมมองการจัดกลุ่มนักลงทุน (ฉบับร่าง)
"รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง" การกำหนดบทบาทของเราที่ชัดเจนในฐานะของนักลงทุน จะช่วยให้เราเลือกหุ้นที่จะลงทุนได้เหมาะสม เหมือนสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่หลวมเกินไป หรือไม่คับจนเกินไป ผู้สวมใส่ก็สบายตัว ในมุมมองการลงทุน ก็สบายใจ ไม่เครียด ... วัตถุประสงค์:
นักลงทุน 2 ประเภท
ถ้าคุณซื้อหุ้นแล้วรอรับเงินปันผล พร้อมกับได้กระแสเงินสดแฝงนั้นแสดงว่า คุณเป็นนักลงทุน ข้อมูลเพิ่มเติม: นักลงทุน 3 ประเภท (ไม่เป็นทางการ) แบ่งตามความรู้ ความโลภ และ เครื่องมือที่ใช้
ข้อมูลเพิ่มเติม: นักลงทุน 4 ประเภท
"...พวกที่คิดว่าเข้าใจตลาดดี จึงเข้าไปซื้อขายทุกครั้งที่มีความเคลื่อนไหวของราคา สุดท้ายมักเป็นฝ่ายปราชัย เนื่องจากไม่สามารถควบคุมจิตใจให้เป็นกลางได้ ไม่ฉิบหายเพราะความโลภก็ต้องย่อยยับเพราะความกลัว..." "... หากทว่า การไม่หวั่นไหว ก็อาจกลายเป็นผลร้ายได้ เมื่อพื้นฐานธุรกิจของหุ้นที่เราเคยคิดว่าดี มีความเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากสภาวะการแข่งขันที่รุนแรง เมื่อถึงเวลานั้นการตัดสินใจขายหุ้นออกไปก็จะกลายเป็นสิ่งจำเป็นขึ้นมา แม้ว่าจะต้องขาดทุนและเจ็บช้ำบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาของการลงทุน..." ข้อคิดเตือนใจ: "การลงทุนที่ดี ไม่เคยเกิดขึ้นจากความโลภที่เกินขอบเขต โดยเฉพาะนักลงทุนระดับ Buffett ที่เป็นตำนานอันดับหนึ่งของวงการลงทุน ก็มีผลตอบแทนเฉลี่ยไม่เกิน 40 เปอร์เซนต์ต่อปี ดังนั้น หากปีใดเราทำกำไรได้เกิน 40 เปอร์เซนต์ก็อย่าพึ่งลำพองใจ ให้เตรียมสติไว้รับมือกับปีที่เลวร้ายบ้าง ไม่มีใครเป็นผู้ชนะตลอดกาล แต่คนที่ยึดติดกับชัยชนะในอดีตของตน ย่อมทำให้จิตใจยึดติด ไม่เปิดกว้างต่อความจริงแบบใหม่ ในที่สุดก็จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ย่อยยับ สิ่งสำคัญที่ทำให้ Buffett เป็นอภิมหาเศรษฐีมากกว่านักลงทุนที่ทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้ดีกว่า จึงไม่ใช่ฝีมือในการลงทุน หากทว่าเป็นความล้ำเลิศในการพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวกับการลงทุน แม้ว่าจะทำกำไรจากการลงทุนได้เพียง 40 เปอร์เซนต์ต่อปี แต่เนื่องจากฐานเงินลงทุนที่ระดมมาได้จากหลากหลายกลยุทธ์มีขนาดที่มหาศาลกว่านักลงทุนคนอื่นหลายร้อยเท่า จึงทำให้ Buffett ได้รับชัยชนะไปในท้ายที่สุด" ข้อมูลเพิ่มเติม: |
มุมมองการจัดกลุ่มหุ้น
การจัดกลุ่มหุ้นนั้นเปรียบเหมือนกับคนตาบอดคลำช้าง ที่ต้องคลำหลายด้าน งวง ขา หาง หัว หู นำมารวมกันเพื่อใช้อธิบายว่าช้างมีลักษณะอย่างไร หรือเปรียบเหมือนการสร้างบ้านที่ต้องมีแบบแปลนหลายๆ แบบ เช่น แปลนสถาปัตย์ แปลนโครงสร้าง แปลนไฟฟ้า แปลนประปา และอื่นๆ การจัดกลุ่มหุ้นจากหลายมุมมอง ทำให้เรารู้จักสภาพของตลาดหุ้นได้ดียิ่งขึ้น เมื่อตลาดมีการเคลื่อนไหว เนื่องมาจากสภาพแวดล้อมและปัจจัยต่างๆ ก็สามารถจะทำนายแนวโน้มและทิศทางของตลาดได้แม่นยำมากขึ้นด้วย ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจเลือกลงทุนได้อย่างถูกต้อง "เร็วหรือช้าไม่ใช่สิ่งสำคัญ ... เพราะในที่สุดแล้ว.... สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ต้องคิดและเชื่อว่า..เราคือนักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จ" มุมมองการจัดกลุ่มหุ้น ประกอบด้วย
การจัดกลุ่มหุ้นแยกตามอุตสาหกรรม แบ่งหุ้นออกเป็น 8 กลุ่ม คือ
ข้อมูลเพิ่มเติม: | การจัดกลุ่มหุ้นตามแบบปีเตอร์ ลินซ์ แบ่งหุ้นออกเป็น 6 กลุ่ม คือ
การจัดกลุ่มหุ้นแบบนี้ ต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลงบการเงิน ข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และความรู้มากพอสมควร การค้นหาหุ้นคู่กายและหุ้นในดวงใจ ควรอย่างยิ่งที่ต้องมีการจัดกลุ่มหุ้นในลักษณะนี้ด้วยตนเองเพื่อเพิ่มพูนทักษะการวิเคราะห์หุ้น ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนได้ ขั้นตอนวิธีการลงทุนโดยสรุป
มุมมองของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ข้อมูลเพิ่มเติม: |
หาหุ้นคู่กายอย่างไรดี?
มีอาจารย์และผู้เชี่ยวชาญหลายท่านได้กล่าวเอาไว้ว่า...ต้องหาหุ้นคู่กายให้ได้...ต้องหาหุ้นในดวงใจให้ได้...เข้าทำนองที่ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง... หลักการนั้นง่าย แต่กรรมวิธี กระบวนการ ที่นำมาใช้ต้องเลือกให้ถูกโฉลกเหมาะสมกับผู้ลงทุน หรือตัวเราเองด้วย ... เข้าทำนอง...อาวุธดี ฝีมือเยี่ยม ย่อมกลายเป็นผู้เยี่ยมยุทธแน่นอน สำหรับเนื้อหาของบทความนี้จะเป็นการทยอยเขียนเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อแสดงกรรมวิธีหาหุ้นคู่กายให้ได้โดยใช้ระยะเวลาให้สั้นที่สุด |
กฏเหล็กและข้อแนะนำการลงทุนของปีเตอร์ ลินซ์
ที่มา:หนังสือ One Up On Wall Street |
ตรวจสุขภาพการเงิน ไปเพื่ออะไรและมีความจำเป็นแค่ไหน?
เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าสิ่งที่เราทุกคน หรือทุกครอบครัว ควรทำอย่างยิ่งในเรื่องการเงินคือ การทำบัญชีรับ-จ่ายส่วนตัว หรือบัญชีรับ-จ่าย ของครอบครัว เพื่อทำให้เรารู้สถานะทางการเงินของเรา รู้ที่มาที่ไปของเงิน เพราะเมื่อรู้แล้วทำให้เราสามารถวางแผนทางการเงินได้ดีขึ้น องค์ประกอบพื้นฐานทางบัญชีและการเงินที่เราควรรู้จักกันดี ประกอบด้วย
แต่เนื่องจากสภาพขององค์ประกอบที่กล่าวมามีการเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาทำให้จำเป็นต้องมีกระบวนการตรวจสอบบัญชีเป็นประจำอีกด้วย สำหรับเรื่องการจัดทำบัญชีที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเรื่องของวิธีการเท่านั้น ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันไปตามความเหมาะสมของแต่ละคน แต่เรื่องสำคัญที่สุดกลับเป็นเรื่องของความคิดและความรู้สึก คือ ต้องรู้สึกว่า เราคือผู้ที่ประสบความสำเร็จทางการเงิน ร่ำรวย รุ่งเรือง มั่งคั่ง เพราะ...
หากเราไม่คิดที่จะประสบความสำเร็จอยู่แล้ว การทำบัญชีและการตรวจสอบทางการเงินก็ไม่มีความจำเป็น เพราะทำไปหรือไม่ทำ ก็มีผลเหมือนกัน คือ ไม่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว เพราะหากทำแล้ว วางแผนดี รู้ดีทุกอย่าง แต่ไม่นำไปปฏิบัติหรือแก้ไขปัญหา ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด และไม่ว่ามีที่ปรึกษาดีหรือเก่งอย่างไรก็ตาม หากผู้ที่เป็นเจ้าของเงินไม่ลงมือทำก็ไร้ประโยชน์ การตรวจสุขภาพการเงิน (Financial Health Check) เป็นเรื่องของการตรวจสอบทางการเงินที่มีการกำหนดเป้าหมายทางการเงินไว้ด้วย เพราะความสำเร็จต้องอาศัยเป้าหมายเป็นองค์ประกอบด้วย เพราะหากไร้เป้าหมาย ก็ไร้ทิศทาง ไร้จุดหมาย ก็ไม่มีวันจะพบกับความสำเร็จแน่นอน การตรวจสุขภาพการเงิน โดยทั่วไปจะทำการตรวจสอบและทบทวนวัตถุประสงค์และเป้าหมายทางการเงิน ประกอบด้วย
|
1-10 of 12